หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกับน้องควิกใช่ไหมครับ ว่าดูแลรถยังไงดีเพราะต้องเจออากาศร้อนกันเป็นประจำ วันนี้น้องควิกมีคำตอบมาให้แล้วครับ
.
1 จอดรถในที่ร่มและหลีกเลี่บงการจอดรถในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่านและสำคัญมากๆ เพราะการที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องโดนแดดเป็นเวลานานๆนั้น จะทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไม่ร้อนจนเกินไป ส่งผลให้ระยะทางในการขับขี่เพิ่มตามไปด้วย เพราะช่วยลดการใช้พลังงานที่ทำให้รถยนต์เย็นลง
.
2 ใช้เครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงการปรับระดับความเย็นเป็นระดับสูงสุดในทันที แต่ให้สตาร์จรถและเปิดแอร์ด้วยระดับเริ่มต้นก่อน เพื่อควบคุมและปรับอุณหภูมิภายในรถให้เหมาะสมก่อนที่เราจะเข้าไปใช้งาน และในขณะที่เสียบชาร์จรถนั้น ควรเปิดแอร์ก่อนที่จะถอดสายชาร์จ เพื่อป้องกันการลดระดับพลังงานในแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว
.
3 ตรวจสอบแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมมาะสมเสมอ โดยไม่เติมลมยางมากจนเกินไป เนื่องจากอากาศที่ร้อนจะทำให้ยางขยายตัว ส่งผลให้ระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าลดลง สามารถตรวจสอบค่าแรงดันลมยางตามคู่มือ, หน้าจอรถ หรือข้างประตูคนขับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ผ่านการเติมลมยางด้วยค่าที่ถูกต้อง
.
4 ชาร์จรถไว้ที่ 80% ซึ่งเพียงพอต่อการใช้รถในชีวิตประจำวันและเป็นระยะมาตรฐานในการรักษาคุณภาพแบตเตอรี่ของรถที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่เร็วขึ้น แต่ยังจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จให้เต็ม 100% อย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อปรับสมดุลแรงดันภายในแบตเตอรี่และทำให้เซลล์ในโมดูลได้มีการชาร์จประจุเข้าไปด้วย
.
5 หลีกเลี่ยงการชาร์จช่วงอากาศร้อน เช่น ถ้าเราไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลควรหลีกเลี่ยงการพักชาร์จรถในระหว่างทาง, เมื่อต้องการชาร์จควรจอดรถเพื่อพักเป็นอย่างต่ำ 10 นาที ให้รถคลายความร้อนก่อนจึงเริ่มชาร์จ , ไม่ควรชาร์จรถตอนหัวจ่ายร้อนจัด ควรรอให้อุณหภูมิของหัวจ่ายเป็นปกติสักครู่แล้วจึงเริ่มชาร์จ หรือเว้นระยะการชาร์จรถต่อจากรถคันก่อนหน้าประมาณ 1-3 นาทีเสมอ
.